ประวัติความเป็นมา
สืบเนื่องมาจากการปฏิรูประบบราชการเป็นการดำเนินการเพื่อให้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพ ทันสมัย มีการบริหารงานด้วยความโปร่งใส ลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานของหน่วยงาน สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนและมีการแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเกิดประโยชน์สูงสุด มีการพัฒนาในระดับพื้นที่อย่างมีบูรณาการ โดยมีแนวคิดที่จะให้ทุกพื้นที่มีเจ้าภาพรับผิดชอบในการดูแลปัญหาของประชาชน จึงได้ริเริ่มนโยบายการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลการปฏิบัติราชการในหลายมิติ กล่าวคือให้รองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนรับผิดชอบในมิติของกระทรวง(Function) ในมิติของนโยบาย/ภารกิจด้านต่างๆ (Agenda) และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลพื้นที่จังหวัดต่างๆ (Area) และสนับสนุนการบริหารงานแบบบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด ซึ่งเป็นการบริหารงานในระบบเมตริกซ์ ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ซึ่งในส่วนการกำกับดูแลในพื้นที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร โดยครั้งแรกได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๐๑/๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๕ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการปฏิบัติราชการ ในส่วนภูมิภาค และมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๕๙/๒๕๔๕ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ กำหนดหลักเกณฑ์ ขอบเขต และวิธีการในการกำกับการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาค เพื่อให้การกำกับการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมตามความมุ่งหมายในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคของรองนายกรัฐมนตรี จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ ขอบเขต และวิธีการในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาค โดยให้จัดตั้งสำนักงานเลขานุการอำนวยการและประสานการกำกับการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาค (ส.อปภ.) ในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการ ส.อปภ. มีหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนส่วนราชการต่างๆ ร่วมเป็นคณะทำงาน มีหน้าที่ช่วยอำนวยและประสานการกำกับการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาคให้กับรองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเป็นศูนย์กลางประสานข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาค
ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่ง สปน. ที่ ๑๖๔/๒๕๔๕ ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่ใน ส.อปภ. โดยมีหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะทำงาน พร้อมด้วยข้าราชการในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาและออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งสนับสนุนให้มีการประสาน ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือ และให้มีการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เพื่อให้สามารถแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ที่เป็นรูปธรรม สนับสนุน และส่งเสริมให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ ของจังหวัดดำเนินไปด้วยความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชน โดยไม่มีอุปสรรคด้านกลไกการบริหารราชการ มีรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ โดยให้ข้อ ๑๒ ของระเบียบ ฯ กำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค (ส.กกภ.) เป็นหน่วยงานในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบงานธุรการและงานเลขานุการของคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค รวมทั้งมีหน้าที่ในการช่วยอำนวยการ ประสานงาน และเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน ด้านสารสนเทศที่เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการในภูมิภาค และให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับ ๘ ในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการเพื่อรับผิดชอบการปฎิบัติงานของสำนักงาน
|